วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

จุดประสงค์



จุดประสงค์

1. เพื่อให้ผู้เข้ามาดูเว็บมีความเพิ่มมากขึ้น

2. สามาถรนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

ประวัติส่วนตัว


                                                     

                                                             ชื่อ นางสาวสุภารัตน์  แพหีต

                                                         ปวช.2/1   แผนกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ







วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การดูแลรักษาเมาส์












การดูแลรักษาเมาส์



เมาส์เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่มีความสกปรก  มากเพราะเวลาที่เราใช้นั้นไม่รู้ว่าเราจับอะไรต่อมิอะไรมา  ทำให้เชื่อโรคสะสมอยู่  โดยเฉพาะเมาส์ที่เป็นลูกกลิ้งนั้น  ลูกกลิ้งจะสัมผัสกับบริเวณโต๊ะหรือว่าแผ่นรองเมาส์จนทำให้เกิดฝุ่นสะสม  แล้วทำให้ไม่สามารถที่จะเลื่อนได้อย่างปกติได้  วิธีการทำความสะอาดนั้นก็นำเอาฝาที่ครอบลูกกลิ้งออก   โดยการหมุนตามลูกศรที่ระบุไว้  นำผ้ามาเช็คที่ลูกกลิ่งแล้วด้านในให้สะอาดถ้าใช้แอลกฮอล์ได้ยิ่งดีครับ  จะได้ฆ่าเชื้อโรคไปด้วย
ส่วนบริเวณอื่นๆ  นั้นให้ใช้สำลีชุบแอลกฮอล์มาเช็ดทำความสะอาด  แต่ในกรณีที่วัสดุของเมาส์ที่เป็นหนัง  ก็ใช้ผ้าซุบหมาดๆเช็ดก็พอ  และบริเวณตรงบริเวณที่ส่องแสงเพื่อใช้จับตำแหน่งเมาส์นั้นให้ใช้สำลีก้านแห้งๆ  ไม่ควรที่จะซุบน้ำ  แอลกอออล์ หรือสารเคมีใดๆ  ทั้งสิ้น  ค่อยเซ็ดอย่างระมัดระวัง  แล้วควรที่จะล้างมือให้สะอาดก่อนที่จะไปจับมันด้วยนะครับ
การเลือกแผ่นลองเมาส์ก็มีส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพด้วย  โดยเฉพาะคนที่ใช้แบบลูกกลิ้ง  ควรเลือกแผ่นรองที่ผลิตจากพลาสติกสังเคราะห์  จะช่วยให้การทำงานนั้นราบรื่น  แต่ถ้าใช้แบบเลเซอร์หรือออฟติคอลนั้น  ควรใช้แผ่นรองเมาส์ที่ไม่มีลวดลายและควรมีผิวที่เรียบ  เพื่อประสิทธิภาพในการสะท้อนและการหักเหของแสงด้วย




ขอบคุณแหล่งที่มา    :   http://www.comsimple.com/การดูแลรักษาคอมพิวเตอร์/73-การดูแลรักษาเมาส์.html

วิธีการดูแลรักษาคีย์บอร์ด








 

วิธีการดูแลรักษาคีย์บอร์ด


คีย์บอร์ดนั้นก็เป็นแหล่งเพราะเชื้อโรคไม่แพ้เมาส์เช่นกัน  เพราะว่าเราจับอะไรแล้วไม่ล้างมือก็มาพิมพ์มันล่ะก็เลยหรือเรารับประทานขนม  ก็ตกลงไปในร่องคีย์ทำให้หมดขึ้นไปอีก  มดก็ขึ้นทำให้เป็นแหล่งสะสมต่างๆ
วิธีทำความสะอาดก็สามารถที่จะทำได้โดยนำคีย์บอร์ดนั้นคว่ำลง  แล้วเคาะด้านหลังเพื่อที่จะให้เศษฝุ่นนั้นออกมา  ถ้าจะให้ดีสมควรที่จะหาเครื่องเป่าลมนั่นมาเป่าออก  หรืออาจจะเป็นสเปรย์ลมที่เป็นกระป๋อง  แล้วก็ฉีดตามซอกตามคีย์บอร์ดแล้วควรเลือกสเปรย์กระป๋องที่สามารถใช้ได้กลับทองแดงได้
ถ้าเกิดว่าไม่สามารถที่จะนำเศษออกมาหมดได้  ก็สามารถที่จะแกะปุ่มทีละปุ่มแล้วก็นำมาทำความสะอาดด้วยการนำสำลีชุบแอลกฮอล์มาเช็ดของแต่ละปุ่ม  แต่ก็ต้องวางตำแหน่งให้ถูกด้วยนะครับ  เวลาใส่กลับคืนจะได้พิมพ์ถูก  ส่วนคนที่ใช้โน้ตบุ๊กนั้นก็เกะมาไม่ได้ก็ค่อยๆ  ที่จะเช็ดตามซอกอย่าระมัดระวัง  ไม่ควรที่จะชุบน้ำมาเช็ดหรือถ้าใครที่จะหลีกเลี่ยงจากสิ่งสกปรกต่างก็สามารถที่จะหาซิลิโคนมาใส่เอาไปได้ครับ  ไม่เช่นนั้นแล้วเราอาจตั้งเปลี่ยนคีย์บอร์ดใหม่ต้องเสียตังค์ไป



ขอบคุณแหล่งที่มา    :    http://www.comsimple.com/การดูแลรักษาคอมพิวเตอร์/74-วิธีการดูแลรักษาคีย์บอร์ด.html

การดูแลรักษาจอมอนิเตอร์













การดูแลรักษาจอมอนิเตอร์

สำหรับจอมอนิเตอร์นี้นะครับก็เป็นส่วนหนึ่งที่มีฝุ่นเข้าไปเยอะเช่นกัน  แต่เราไม่ค่อยได้ไปแตะต้องชักเท่าไหร่แต่ฝุ่นก็เข้าไปเยอะ  และที่สำคัญถ้าเกิดจอมอนิเตอร์มีฝุ่นจับตรงหน้าจออาจจะทำให้เสียสายตาเวลาที่เราจ้องหน้าคอมพิวเตอร์ไปนานก็ได้
หากเป็นจอแบบ CRT ให้ใช้น้ำยาเช็ดกระจกได้  หรือน้ำยาทำความสะอาดมอนิเตอร์  บนจอได้เลย  โดยนำเอาผ้าแห้งมาเช็คก่อนหนึ่งรอบ  ให้ฝุ่นละออกก่อนแล้วเช็ดตามทีหลัง  ไม่อย่างนั้นเมื่อเราเช็ดแล้วจะเป็นรอยคราบได้
สำหรับจอ LCD ควรหลีกเลี่ยงน้ำยาทำความสะอาดมอนิเตอร์ยกเว้นเป็นน้ำยาที่ใช้สำหรับทำจอ LCDโดยเฉพาะ  ถ้าเกิดเป็นจอชนิดด้าน  หรือ Anti – Giare นั้นไม่ควรใช้น้ำยาใดๆ  เลยจะดีกว่า  ให้ใช้ผ้าไฟเบอร์เดเพื่อจำกัดฝุ่นระอองและคราบต่างๆ  โดยควรเช็ดไปในทิศทางเดียวกัน  ไม่ควรวนซ้ำๆ  เป็นวงกลม
ในกรณีที่มีคราบติดแน่  ให้ใช้ผ้าซุบน้ำอุ่นที่ผสมกับน้ำส้มสานชู(ใส่นิดเดียวก็พอนะครับ  แล้วผ้าควรเป็นผ้าฝ้าย)เช็ดบริเวณที่มีคราบเกาะติดแน่น  โดยห้ามเช็ดวนๆ  เป็นอันขาด  ให้เช็ดในทางทิศทางเดียวกัน
การนำลำโพงวางไว้ข้างจอมอนิเตอร์นั้นอาจทำให้เกิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าภายในลำโพงมารบกวนสัญญาณภาพของจอมอนิเตอร์  ทำให้การแสดงผลผิดเพี้ยนไปอาจเห็นเป็นคลื่นหรือ  มีสีที่ผิดเพี้ยนไป  หากลำโพงของคุณมีงานประกอบที่ไม่ดีนัก  และไม่อยากซื้อลำโพงใหม่คำแนะนำคือควรวางลำโพงให้ห่างจากจอมอนิเตอร์ราวๆ  สองฟุตก็พอจะช่วยได้นะครับ  แล้วถ้าเกิดอยากจะซื้อใหม่ควรเป็นลำโพงที่มีคุณภาพแล้วมีวัสดุที่สามารถป้องกัน  คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้





ขอบคุณแหล่งที่มา   :   http://www.comsimple.com/การดูแลรักษาคอมพิวเตอร์/75-การดูแลรักษาจอมอนิเตอร์.html

การดูแลรักษาแรม












การดูแลรักษาแรมและการ์ดแสดงผล



หลังจากได้รู้วิธีการดูแลรักษา  อุปกรณ์ภายนอกมาแล้วเราก็มาดูแลรักษาอุปกรณ์ภายในกันต่อเลยครับ  ถึงแม้เราจะไม่ค่อยได้สัมผัสพวกนี้ก็ตาม  เพราะว่าอุปกรณ์ภายนอกนั้นอายุการใช้งานจะสั้นกว่าเพราะการกระทบกระเทือน  จากการใช้งานนั้นมีมาก  และทำให้เสียหายได้มากกว่า  ส่วนอุปกรณ์ภายในนั้นก็สมควรดูแลรักษาเช่นกัน
แม้ว่าเราไม่เคยถอดแรมหรือการ์ดแสดงผลออกจากเมนบอร์ดก็มาทีเถอะ  แต่ว่าบรรดาฝุ่นจ่างๆ  ที่อยู่ภายในเคศก็มีเยอะ  เพราะว่าการที่เคสเรามีพัดลมนั้น  จะทำให้ดูดอากาศเข้าออก แล้วก็นำพาฝุ่นเข้ามาด้วย  แล้วฝุ่นก็สามารถที่จะเข้าไปหน้าสัมผัสทั้งแรมแล้วก็  การ์ดแสดงผลได้  ซึ่งก็จะทำให้อุปกรณ์เกิดปัญหาและคอมพิวเตอร์อาจเกิดข้อผิดพลาดในการทำงานได้  เพราะฉะนั้นแล้วเราจึงควรที่จะทำความสะอาดด้วย  การทำความสะอาดนั้นก็ง่ายแสนง่ายครับ  เพียงเราถอดแรมหรือว่าการ์ดแสดงผลออกมาเท่านั้นเอง  แล้วหายางลบมาถูๆ  ตรงบริเวณหน้าสัมผัสที่เป็นสีทองเพื่อเป็นการลบเอาคราบฝุ่นต่างๆ  ที่เกาะอยู่ออกไปได้โดยง่ายเลยล่ะ  ส่วนนอกเหนือจากนั้นก็นำแปลงมาปัดฝุ่นตามแรมหรือว่าการ์ดแสดงผลออกไป
สำหรับชุดระบายความร้อนของการ์ดแสดงผลนั้น  โดยทั่วไปแล้วฝุ่นจะเกาะที่บริเวณพัดลม  ให้ใช้เครื่องเป่าลมเปาออกหรืไม่ก็  ใช้สำลีเช็ดฝุ่นที่เกาะอยู่อย่างใจเย็น  ไม่จำเป็นที่จะต้องถอดออกจากตัวการ์ด  ถ้าเกิดเราต้องการที่จะทาซิลิโคนใหม่เราถึงถอดออกเพื่อทาใหม่ได้
การเลือกใส่แรมนั้นถ้าเราเลือกใส่แรมคู่  จะเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานโดนรวมของระบบ (Dual-Channel) ของหน่วยความจำนั้นเมมโมรีแบนด์วิดธ์  ได้ถึง 50% แม้ว่าการใช้งานจริงๆ  นั้นอาจะช่วยได้แค่ 15-20% แต่ก็คุ้มที่จะทำครับ  แต่การทำเช่นนี้แล้วนั้นจะต้องเลือกแรมที่มีขนาดเท่ากัน  ความเร็วเท่ากัน  แล้วควรเป็นยี่ห้อเดียวกันด้วย



ขอบคุณแหล่งที่มา  :    http://www.comsimple.com/การดูแลรักษาคอมพิวเตอร์/79-วิธีการดูแลรักษา-แรมและการ์ดแสดงผล.html

การดูแลรักษาฮาร์ดดิสก์








การดูแลรักษาฮาร์ดดิสก์

วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2009 เวลา 16:57 น.
ฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์ที่บรรจุเก็บความจำและข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเครื่องคอมพิวเตอร์เลยก็ว่าได้  เพราะฉะนั้นแล้วเราก็ควรที่จะบำรุงรักษา  เพื่อที่จะให้ใช้งานได้ยาวนานและเก็บข้อมูลเราได้โดยไม่เสียหายได้โดยง่าย
สำหรับฮาร์ดดิสก์นั้นเป็นอุปกรณ์ที่ใช้หัวในการอ่านแผ่นแม่เหล็กเพราะฉะนั้นแล้วจึงต้องดูแลรักษาสิ่งที่จะไปกระทบกระเทือนซึ่งทำให้หัวอ่านชำรุดหรือเลื่อนได้  เพราะฉะนั้นฮาร์ดดิสก์เป็นสิ่งที่เบาะบางจึงไม่ควรที่จะไปกระแทก  โดยฉะเพราะขณะที่กำลังทำงานจะมีโอกาสเสียหายได้มาก  เช่นการที่ไปกระแทกกับตัวเคสเองหรืออย่างใดอย่างหนึ่งที่จะไปกระทบการทำงานของฮาร์ดดิสก์เอง
การตรวจสอบฮาร์ดดิสก์
เมื่อเราได้ใช้งานไปนานๆ  อาจจะมีพื้นที่หรือส่วนที่เสียของฮาร์ดดิสก์เกิดขึ้นเพราะฉะนั้นเราควรจะตรวจสอบเพ่อเราจะได้ทราบว่ามีส่วนเสียมากแค่ไหน  หรือว่าอายุจะใช้ได้อีกนานไหมซึ่งจะสามารถเตือนและกำจัดได้  เพราะว่าการตรวจสอบจุดที่เสียของฮาร์ดดิสก์นั้นจะส่วนให้ระบบ  หลีกเลี่ยงการเขียนที่บริเวณนั้นด้วย  โดยการตรวจสอบจุดเสียของฮาร์ดดิสก์นั้น





ขอบคุณแหล่งที่มา :   http://www.comsimple.com/การดูแลรักษาคอมพิวเตอร์/88-การดูแลรักษาฮาร์ดดิสก์.html

การเลือกซื้อฮาร์ดดิสก์












การเลือกซื้อฮาร์ดดิสก์

สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่มาก  เพราะฉะนั้นแล้วจึงมีการเลือกซื้อให้เหาะสมกับความต้องการของเรา  ในปัจจุบันฮาร์ดดิสก์ได้มีราคาต่อความจุถูกมาก  และมีความเร็วที่แตกต่างกัน  จะข้อแนะนำการเลือกซื้อดังต่อไปนี้

1.ประเภทของ ฮาร์ดดิสก์
ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้ๆ กันอยู่ในปัจจุบันมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน  คือ  (สำหรับฮาร์ดดิสก์ที่เชื่อมต่อภายนอกจะขอกล่าวในลำดันถัดไป)
- แบบ IDE เป็นฮาร์ดดิสก์ ที่จะบอกว่ารุ่นเก่าแล้วก็ว่าได้  เพราะว่ามีรุ่นใหม่ที่เร็วกว่าประหยัดทั้งพื้นที่ประทั้งพลังงานได้ดีกว่า  และเมื่อเปรียบเทียบแล้วจะราคาแพงกว่า SATA ด้วยซ้ำ
- แบบ SATA เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามามนตอนนี้และได้มีความนิยมเป็นอย่างมาก  เพราะว่าในเมนบอร์ดรุ่นใหม่นั้นก็ลองรับได้หมดแล้ว  และมีราคาที่ถูกกว่า ฮาร์ดดิสก์ แบบSATA

2.ขนาดของความจุ
ความจุของฮาร์ดดิสก์หรือพื้นจัดเก็บข้อมูล  นั้นมีความสำคัญว่าเราจะใช้งานประเภทใดและต้อง  เลือกความจุขนาดใดใครที่ชอบทำงานด้านมัลติมีเดียก็ต้องเลือกความจุมากๆ ปัจจุบันนี้มีความจุ ถึง 2 GB ไปแล้วซึ่งสามารถเก็บข้อมูลจนลืมไปเลยว่าซื้อมาตอนไหน  ไม่รู้จักเต็มสักที  แต่ก็ยังมีราคาที่สูงอยู่นั้นเอง
3.ความเร็วรอบ
ความเร็วรอบของฮาร์ดดิสก์นั้นย่อมมีผลโดยตรงต่อความเร็วของฮาร์ดดิสก์  คือถ้าฮาร์ดดิสก์มีความเร็วรอบสูงแล้ว  ข้อมูลก็จะเคลื่อนมาถึงหัวอ่านได้อย่างรวดเร็วขึ้น  ความเร็วรอบของฮาร์ดดิสก์นั้นมีหน่วยเป็น “รอบต่อนาที (rpm)  ในปัจุจบันความเร็วรอบนั้น 5,400-7,200 rpm แล้ว  และยังมีการพัฒนาความเร็วได้ถึง 10,000 rpm

4.บัฟเฟอร์ของ ฮาร์ดดิสก์
บัฟเฟอร์ก็คือหน่วยความจำแคชของฮาร์ดดิสก์นั้นเองครับ  เป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกความเร็วและประสิทธิภาพของฮาร์ดดิสก์   ถ้าเกิดฮาร์ดดิสก์ไหนที่มีขนาดบัฟเฟอร์ขนาดใหญ่ก็จะช่วยให้ไม่ต้องเสียเวลาที่จะกลับไปนำข้อมูลนั้นมาใช้ซ้ำอีก  โดยการทำงานนั้นจะทำงานรวมกับแรม  แรมจะนำข้อมูลจากบัฟเฟอร์มาใช้โดยตรง  ในปัจจุบันแล้วขนาดบัฟเฟอร์  ก็มีจำนวน 8-32 MB ไปแล้ว

5.ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล
ช่วงเวลาในการเข้าถึงข้อมูล (Seek Time) คือช่วงเวลาที่ตำแหน่องบนจานของฮาร์ดดิสก์นั้นหมุนมาพอดีกับตรงที่หัวอ่านพอดี  ความเร็วนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเร็วรอบของฮาร์ดดิสก์เอง  ยิ่งมีความเร็วที่น้อยก็สามารถที่จะทำให้ฮาร์ดดิสก์นั้นอ่านเขียนได้เร็วขึ้น


ขอบคุณแหล่งที่มา  :   http://www.comsimple.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C/59-2009-09-12-05-45-05.html

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เทคนิคการเลือกซื้อโน๊ตบุ๊ค








การเลือกซื้อโน๊ตบุ๊ค (Notebook)


หลายคนมีข้อสงสัย หรือต้องการซื้อโน๊ตบุ๊คมาใช้งาน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีหลักการเลือกซื้อยังไง วันนี้เรามีเทคนิคในการเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คให้เหมาะสมกับการใช้งานมาบอก เนื่องจากโน๊ตบุ๊คในปัจจุบันมีการผลิตขึ้นมาอย่างหลากหลาย และมีราคาที่ถูกลงจากกว่าแต่ก่อนมาก ซึ่งมีตั้งแต่หลักพันบาทจนถึงหลักแสน ดังนั้นการจะเลือกซื้อให้เหมาะสมเราจะต้องดูเรื่องอะไรบ้าง ข้อแนะนำคือ

Tip 1. ถามตัวเองก่อนว่า เราเหมาะสมกับการใช้งานคอมพิวเตอร์แบบไหนกันแน่ ต้องยอมรับว่าหลายคนเลือกซื้อโน้ตบุ้คสูงเกินกว่าความจำเป็น เนื่องจากหลายครั้งในงานที่เราต้องใช้นั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถของโน้ตบุ้คที่สูงขนาดนั้น ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็คือ ถ้างานของคุณไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเล่นเกมส์หรืองานที่ต้องใช้กราฟฟิคแสดงผลสูงๆ โน้ตบุ้คที่มีการ์ดจอแยก ก็ดูจะเกินความจำเป็นและเงินที่คุณจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้น เพราะว่าราคาโน๊ตบุ๊คที่มีการ์ดจอแยกจะมีราคาที่สูงกว่าโน๊ตบุ๊คที่มีการ์ดจอออนบอร์ด

Tip 2. การรับประกันของแต่ละยี่ห้อ อย่าลืมศึกษาหรือสอบถามข้อมูลกับทางผู้ซื้อให้ดีก่อน หากคุณจะต้องจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อได้รับความคุ้มครองหรือประกันภัยเพิ่มขึ้น หรือระยะเวลาการประกันที่นานขึ้น ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะคุณอย่าลืมความจริงข้อหนึ่งที่ว่า โน้ตบุ้คมีความทนทานในการใช้งานน้อยกว่า คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop pc) เป็นไหนๆ หากต้องมีการส่งซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ คุณอาจจะหน้ามืดกับค่าซ่อมได้ง่ายๆ เลยทีเดียว (หากไม่อยู่ในประกัน) แต่อย่าลืมพิจารณาราคาของประกันรวมทั้งราคาของโน๊ตบุ๊คในอนาคตด้วย เผื่อบางทีโน๊ตบุ๊คอาจจะซื้อใหม่ดีกว่าซ่อมก็ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบด้วย

Tip 3. ศึกษา,สอบถามข้อมูลของโน้ตบุ้คแต่ละรุ่น,ยี่ห้อ จากเว็บไซต์ที่เป็นชุมชนของผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ ต่าง ๆ และดูข้อดีข้อเสีย ของแต่ละรุ่นที่มีคนใช้งานก่อนหน้าว่ามีปัญหาอะไรบ้างที่พบเพื่อเป็นข้อมูลที่ช่วยในการตัดสินใจเพิ่มเติม

Tip 4. โน้ตบุ้คเป็นอะไรที่ไม่ควรซื้อมือสองเป็นอันขาด (อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัว) เพราะคุณลองคิดดูสิว่า อุปกรณ์ทุกส่วนยัดอยู่รวมในพื้นที่เล็กๆ ของโน้ตบุ้ค ความร้อนที่เกิดขี้น ยิ่งมีผลที่ให้อุปกรณ์เสือมได้เร็วขึ้น ถ้าเพิ่มเงินอีกนิดได้มือหนึ่ง ซื้อมือหนึ่งได้ก็จะดีกว่า แต่ถ้าเปรียบเทียบดูการใช้งานและราคาของแต่ละรุ่นหากเจอมือสองที่น่าสนใจที่ใช้งานมาไม่นาน ก็อาจจะดีกว่าซื้อมือหนึ่งก็ได้ แต่ในปัจจุบันราคาโน๊ตบุ๊คมือหนึ่งถูกลงมาก ดังนั้นการซื้อใหม่ น่าจะคุ้มค่ามากกว่า เพราะว่าราคาของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ค่อนข้างราคาตกเร็ว หรือเปลี่ยนรุ่นใหม่มาในราคาที่ถูกกว่า



ขอบคุณแหล่งที่มา   :  https://www.google.co.th/#hl=th&tbo=d&sclient=psy-ab&q=%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%8A%E0%B8%95%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%84+&oq=%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%8A%E0%B8%95%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%84+&gs_l=serp.3..0l4.2271.3224.14.3945.7.7.0.0.0.0.132.858.0j7.7.0...0.0...1c.1.2.serp.Y0GeyNDSgZ4&pbx=1&bav=on.2,or.r_gc.r_pw.r_cp.r_qf.&fp=cc603edb909b6969&biw=1152&bih=771

การเลือกซื้อชุดระบายความร้อน(ฮีตซิงค์)











การเลือกซื้อชุดระบายความร้อน(ฮีตซิงค์)

สำหรับใครที่ต้องการหาชุดระบายความร้อนมาเสริม  โดยปกติชุดระบายความที่มากับ CPU
นั้นสามารถที่จะระบายความร้อนได้เต็มประสิทธิภาพอยู่แล้วครับ
  แต่ก็มีคนที่อยากจะซื้อมาเพิ่มหรือว่ามาตกแต่ง  และสำหรับคนที่เป็นนักโอเวอร์คล็อก 
ชุดระบายความร้อนแบบเดิมๆ  คงไม่พอ 
จึงจำเป็นต้องมามาใส่เพิ่มเติมเพื่อเป็นการระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น
 และเหมาะสมกับความร้อนที่เพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับฮีตซิงค์  ในปัจจุบันนั้น  มีหลายราคาหลาย   ตั้งแต่ไม่กี่ร้อยไปถึงหลายพัน 
ขนาดเพื่อให้ผู้ใช้สามารถนำไปใช้ไปได้อย่างเหมาะสมกับ CPU ของตัวเอง
 ซึ่งที่ขายในบ้านเรานั้นจะมีวัสดุอยู่ 2 ชนิดคือ  แบบที่เป็นอลูมิเนียมและเป็นแบบทองแดง
 โดยทั้งสองอย่างนี้จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน  โดยอลูมิเนียมนั้นสามารถระบายความร้อนได้ดี
แต่จะดูดความร้อนได้ไม่ดี
  ส่วนทองแดงนั้นสามารถดูดความร้อนได้ดี  แต่ไม่สามารถที่จะระบายความร้อนได้ดี
 ดังนั้นเราจึงเห็นว่าจะมีวัสดุ 2 อย่างนี้มาอยู่ด้วยกัน  โดยจะให้ทองแดงนั้นเป็นแกนกลางส่วนอลูมีเนียม
เป็นส่วนอยู่ด้านนอก  เพื่อที่จะให้ทองแดงนั้นดูดความร้อนแล้วให้อลูมิเนียมระบายความร้อนออกไป 
สำหรับบางคนอาจจะเห็นมีแต่ทองแดงล้วนนั้น  ก็สามารถทำได้เพราะผู้ผลิตจะใช้พัดลมเป็น
ตัวระบายความร้อนแทนก็ได้เช่นกัน



ขอบคุณแหล่งที่มา :  http://www.comsimple.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C/80-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99(%E0%B8%AE%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C).html

เทคนิคการเลือกซื้อเครื่องพิมพ์

 

 




เทคนิคในการเลือกซื้อเครื่องพิมพ์


10 เทคนิคในการเลือกซื้อเครื่องพิมพ์

1. เปรียบเทียบเครื่องพิมพ์แต่ละรุ่นด้วยผลงานแบบที่เราต้องการ เพราะงานพิมพ์เอกสาร กราฟิกและรูปถ่ายนั้นต้องการเครื่องพิมพ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งโดยปกติแล้วเครื่องพิมพ์เลเซอร์นั้นจะพิมพ์เอกสารได้ดีกว่า ส่วนเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ตจะพิมพ์รูปภาพและกราฟิคได้ดีกว่า

2. ถ้าหากไม่ต้องการพิมพ์งานสี เครื่องพิมพ์เลเซอร์ขาว-ดำอาจจะเป้นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะนอกจากให้ความเร็วที่เหนือกว่า แล้วยังให้คุณภาพงานพิมพ์เอกสารและกราฟิคดีกว่า

3. อย่าเปรียบเทียบความเร็วในการพิมพ์จากค่าที่บริษัทใช้โฆษณา แต่ให้เทียบความเร็วในการพิมพ์ที่ความละเอียดที่เราต้องการใช้งาน เพราะเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตจะใช้ความเร็วสูงสุดเป็นจุดขาย แต่เราจะใช้ความละเอียดสูงบ่อยกว่า

4. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ ถ้าหากเรายังใช้เครื่องรุ่นเก่าหรือระบบปฏิบัติการตัวเก่าที่ไม่สนับสนุน USB ต้องแน่ใจว่า เครื่องพิมพ์ที่ซื้อนั้นต่อพ่วงกับพอร์ตขนาน

5. ทางเลือกที่ควรจะเลือกสำหรับเครื่องพิมพ์ที่ใช้งานร่วมกันคือ ต่อตรงเข้ากับเน็ตเวิร์กได้ ดังนั้นจึงควรตรวจสอบวิธีการเชื่อมต่อ และซอฟต์แวร์ในการควบคุมตรวจสอบเครื่องพิมพ์ที่ให้มาด้วยว่าสามารถใช้งานร่วมกับเน็ตเวิร์กที่ใช้งานอยู่ได้หรือไม่

6. เครื่องพิมพ์บางรุ่นสามารถเพิ่มหน่วยความจำได้ บางรุ่นภายในเครื่องอาจไม่มีหน่วยความจำมาให้หรือมีเพียงเล็กน้อย เพราะว่าจะทำงานทั้งหมดจากคอมพิวเตอร์ก่อน ในกรณีที่สามารถอัพเกรดหน่วยความจำได้ ตรวจสอบก่อนว่าเครื่องพิมพ์มีหน่วยความจำมาให้เพียงพอกับที่เราต้องการ เช่น เราอาจจะต้องอัพเกรดหน่วยความจำให้สูงขึ้นพื่อจะสามารถพิมพพ์งานที่ความละเอียดสูงสุด

ที่มา : http://www.thaiinktank.com

การเลือกใช้จอมอนิเตอร์










การเลือกใช้จอมอนิเตอร์

สำหรับการทำงานของคอมพิวเตอร์นั้น  จอมอนิเตอร์คงขาดไม่ได้แน่นอน  เพราะเป็นอุปกรณ์แสดงผมออกมาเป็นภาพนั้นเอง  โดยมี 2 ประเภทที่ใช้ในปัจจุบัน

1.จอภาพแบบ CRT
จอภาพแบบ CRT เป็นจอมอนิเตอร์ที่มีมานานมากแล้ว  เพราะเป็นจอภาพอันดับต้นๆ
 ที่นำมาใช้ในวงการคอมพิวเตอร์  ความสามารถของจอมอนิเตอร์แบบนี้นั้น  คือราคาที่ถูก
  สามารถมอกงเห็นในมุมมองต่างๆอย่างชัดเจนได้  การแสดงผลของภาพเคลื่อนไหวได้ดี
 โยจะมีวงจรและ หลอด CRT ภายในตัวมอนิเตอร์นั้นเอง

2.จอภาพแบบ LCD
สำหรับเมื่อช่วงปีที่ผ่านจอภาพแบบ LCD นั้นได้มีการเปิดตัวจอภาพรุ่นใหม่ๆ มามากมาย
อีกทั้งยังมีการลดราคาให้สามารถที่จะเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น จึงทำ ให้ผู้ที่ต้องการเลือกซื้อ
เครื่องคอมพิวเตอร์ไปใช้งานนั้นสามารถที่จะเลือกซื้อ จอภาพแบบ LCD ไปใช้งานกัน
แต่ก็ยังมีข้อที่สงสัยกัน โดยมากว่าการเลือกซื้อจอ ภาพ LCD นั้นจะ แตกต่างกับจอภาพ
แบบ CRT บ้างหรือไม่ ซึ่งเมื่อจะดูจากเทคโนโลยีแล้วนั้น ก็ย่อมจะมีส่วนที่แตกต่างกันมาก
ดังนั้นก็เลือกซื้อจอภาพ LCD จึงมีข้อที่ให้สังเกตในการเลือกซื้อที่แตกต่างจากจอภาพ CRT
 ออกไปเป็นบางส่วน ซึ่งก็จะกล่าวกันต่อไป


ขอบคุณแหล่งที่มา   :    http://www.buycoms.com/buyers-guide/monitor/index.asp

การเลือกซื้อกราฟิกการ์ด








การเลือกซื้อกราฟิกการ์ด

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2009 เวลา 09:55 น.
สำหรับกราฟิกการ์ดแล้วเป็นส่วนประกอบที่ใช้การแลงสัญญาณข้อมูลให้กับมอนิเตอร์ของเรา
เพื่อทำให้เกิดภาพนั้น  จะมีประสิทธิภาพเป็นแบบใดก็ขึ้นอยู่กับ กราฟิกการ์ดด้วย 
 สำหรับขั้นตอนก็จะขอพิจารณาดังต่อไปนี้คือ

1.ประเภท
ในปัจจุบันนั้นมีประเภทของการ์ดแสดงผลที่นิยม  อยู่ 2 ประเภทคือ

-  AGP
สำหรับ AGP นั้นมีความเร็วที่  266 MB /s นั้นคือความเร็วที่ตั้งแต่เริ่มแรก 

 แล้วได้มีการพัฒนาแต่มา คือ 2x – 8x ซึ่งในปัจจุบันได้มีการลดความสำคัญลงไปเพราะมีสล็อต 
ที่เร็วกว่ามาแทน  แต่ยังมีผู้ที่ใช้เมนบอร์ดรุ่นเก่าอยู่ยังต้องใช้ แบบ AGP อยู่

- PCI Express
จะมีความเร็วกว่า AGP ซึ่งเป็นมาตรฐานแบบใหม่ที่เข้าแทนการเชื่อมต่อ แบบ AGP

และแบบ PCI ธรรมดา โดยความสามารถของ PCI Express
  คือมีการควบคุมการรับส่งข้อมูลขึ้นมาเรียกว่า “สวิตช์(Switch) สำหรับข้อดีที่ความเร็วเร็วกว่า
  AGP นั้น  ซึ่งสามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วถึง 250 MB/s เลยทีเดียว 
 และสามารถปรับขนาดของความกว้าง
ของบัสเองได้มากกว่าทำให้ความเร็วไปได้ถึง 4 GB/s มากว่า AGP ถึง 2 เท่า

2.ซิปการฟิก
nVidia : ถือได้ว่าเป็นผู้ผลิตที่ได้ผลิตมาตั้งแค่เริ่มต้นเลย  ผลิตมาเป็นเวลานาน

  ที่โด่งดังในตอนนั้นก็คือ TNT 2 ที่เป็นกราฟการ์ด 3 มิติ ที่มีประสิทธิภาพในตอนนั้น
และมีการพัฒนาต่อมาเรื่อยๆจนในปัจจุบันมีชื่อว่า GeForce นั้นเอง
 ถือได้ว่าเป็นที่นิยมมากที่สุดในตอนนี้  มีให้เลือกหลากหลายขนาดหลายราคา  ให้เลือก
ATi : ได้พัฒนามาเรื่อยๆ  ซึ่งเป็นผู้ผลิตกราฟิกตระกูล Radeon

ที่มีประสิทธิภาพสูงได้รับการยอมรับจากคนเล่นเกมส์ต่างๆ  ว่ามีประสิทธิภาพเยื่ยมเลยทีเดียว

3.หน่วยความจำ
ถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง  เพราะเป็นส่วนที่ช่วยให้ความเร็วในการแสดงผล

รวดเร็วมากขึ้น  ซึ่งหน่วยความจำของการ์ดแสดงผล  เหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์จำต้องมี
หน่วยความจำแรม  ส่วนของการ์ดแสดงผลนั้นก็มีหน่วยความจำที่ทำงานเช่นเดียวกัน
  นั้นมีหลายประเภทในปัจจุบันคือ
1.GDDR 2 เป็นแรม DDR2 ที่ออกแบบให้เมาะสมกับการ์ดแสดงผล 

 จะรองรับการทำงานด้วยความเร็ว 500MHz
2.GDDR3 ได้รับการพัฒนามาจาก DDR2 โดยจะทำงานด้วยความเร็วที่สูงกว่า  2 เท่า

คือ  1 GHz ขึ้นไป
3.GDDR 4 เป็นแรมที่พัฒนามาจาก DDR3 ซึ่งเป็นหน่วยความจำที่มีความเร็วสูงกว่า

  DDR2 ถึง 3 เท่าคือ 1.5 GHz
4.GDDR 5 ก็เป็นการพัฒนาจาก DDR4 โดยมีความเร็วสูงที่สุกเลยก็ว่าได้ 

เพราะทำงานได้ถึง 2 GHz เลยที่เดียว โดยได้มีการเริ่มใช้กับกลุ่มซิปกราฟิกของ Radeon

4.ในเรื่องของการรับประกัน 
ในเรื่องการรับประกันนั้นได้มีระยะเวลาตามแต่  ยี่ห้องของผู้รับประกัน 

 บางที่อาจรับประกันนานถึง 3 ปีบางที่อาจจะรับประกันแค่ 1 ปี
เพราะฉะนั้นควรเลือกที่เราคิดว่าเหมาะสม  เพราะบางคนอาจใช้เวลาแค่ 1 ปีก็จะเปลี่ยน 
 บางคนก็ซื้อครั้งเดียวยาวไปเลย




ขอบคุณแหล่งที่มา :  http://www.comsimple.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C/61-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94.html


การเลือกซื้อแรม











การเลือกซื้อแรม(RAM)

สำหรับแรมผมได้กล่าวไว้แล้วว่ามีหน้าอะไรบ้าง  สำหรับแรมก็เป็นส่วนประกอบที่สำคัญเช่นกันเพราะฉะนั้นแล้วเราควรเลือกให้ถูกวิธีด้วย  สำหรับขึ้นตอนการเลือกซื้อแรม  มีขั้นตอนการเลือกซื้อดังต่อไปนี้

1.ประเภทของแรม 
แน่นอนครับสำหรับประเภทของแรมนั้น  ก็จะถูกจำกัดด้วยเมนบอร์ดที่เราจะเลือกซื้อเช่นกัน  โดยเมนบอร์ดก็จะต้องถูกบังคับจากซิปเซต  สำหรับคนที่จะซื้อในขนาดนี้จะมีอยู่ 2 ประเภทที่ผมจะแนะนำนะครับ ซึ่งทั้ง 2 มีความเร็วที่แต่ต่างกัน

1.1 DDR 2
สำหรับ DDR 2 นั้นมีความนิยมเป็นอย่างยิ่งในขนาดนี้ถือเป็นแรมตลาดเลยที่เดียว  เพราะในปัจจุบันนี้เมนบอร์ดเองก็สามารถรองรับการทำงานของแรมชนิดนี้ได้หมดแล้ว  แล้วราคาในขณะนี้ก็มีราคาที่ไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับชนิดอื่นๆ  และในเรื่องของความเร็วก็สามารถใช้ได้เร็วมากเลยที่เดียว  มีความเร็วตั้งแต่ 400-1,066 MIz ใช้แรงดันไฟฟ้า 1.8 V

1.2  DDR3
เป็นแรมประเภทมี่พึ่งมาใหม่ล่าสุดเลย  ซึ่งมีความเร็วสูงสุด  ถึง 1,600-2,000 MHz เลยทีเดียวครับ  แล้วใช้แรงดันไฟฟ้าแค่เพียง 1.5 V เท่านั้น  ถือได้ว่ามีความเร็วสูงกว่าทุกประเภทแต่ปัจจุบันนี้ได้มี DDR4 มาแล้วเอาไว้คราวหน้าตอนที่มีคนใช้เยอะๆ  จะมาเล่าให้ฟังนะครับ ส่วนราคาตอนนี้ยังสูงอยู่  แต่ถ้าใครต้องการซื้อหรือมีตังพอไม่ขัด ครับ  เพราะว่ากำลังจะเป็นที่นิยมกันแล้ว  แต่ต้องดูด้วยว่าเมนบอร์ดของเรานั้นรองรับหรือไม่  เพราะว่ายังมีเมนบอร์ดที่ยังไม่รองรับอีกเยอะครับ  ที่สำคัญ DDR3กับ DDR2 ใช้สล็อตเดียวกันไม่ได้เพราะฉะนั้นแล้วไม่ต้องกลัวว่าจะใส่ผิด

2.หน่วยความจำ
แรมนั้นมีหน่วยความจำหลัก  ที่จำเป็นต้องการความจำสูงเพื่อประสิทธิภาพของการทำงานเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย  โดยหน่วยความจำของแรมนั้น มีหน่วยเป็น GHz  ยิ่งมีความจำมากก็ทำให้เครื่องเราเร็วขึ้นไปด้วย ราคมของแรมที่มีความจุสูงๆ เดี่ยวนี้ราคาไม่แพงมากนัก  แต่ก็ควรที่จะดูว่าขนาดไหนเหมาะกับเรา  เพื่อจะได้ไม่สิ้นเปลืองมากกว่าปกติ

3.ความเร็ว
ความเร็วหรือว่า บัสของแรมนั้นก็มีความสำคัญเพาะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การถ่ายโดนข้อมูลได้เราขึ้น ซึ่งก็ได้กล่าวไปแล้ว่าประเภทของแรมนั้นก็มีความเร็วที่แตกต่างกัน  แล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับเมนบอร์ดเราอีกนั้นล่ะว่าจะรองรับได้มากแค่ไหน  หรือถ้าใครซื้อแรมชนิดไหนก็ได้ที่มีความเร็วสูงไปที่เมนบอร์ดจะรองรับก็สามารถจะใส่ได้เมื่อซื้อแรมที่เป็นประเภทเดียวกันเท่านั้นแต่ความเร็วของแรมก็เท่ากับ  เมนบอร์ดรองรับ  และใครที่ซื้อแรมมา 2 ตัวแต่ มีความเร็วเท่ากัน  มันก็จะใช้แรมที่มีความเร็วต่ำกว่านั้นเอง

4.ก็การเลือกยี่ห้อ
การเลือกยี่ห้อนั้นแล้วแต่ศรัทธาครับ  ไม่ว่ากันแต่จะมีการรับประกันที่แต่ต่างกันนิดหน่อยเท่านั้นเองครับ  อย่างเช่นการเครมที่ไหม้ได้ไม่ได้  รวมทั้งราคาของแรมด้วยประสิทธิภาพจะแตกต่างกันหรือไม่นั้นส่วนตัวผมเอง  ใช่มาหลายยี่ห้อแล้วไม่ต่างกันเลย  เพราะฉะนั้นอยากได้ยี่ห้อไหนรับประกันดีเป็นพอครับ  อันนี้ไม่เกี่ยวกับหน้าตาคนขายนะครับ



ขอบคุณแหล่งที่มา   :  https://www.google.co.th/#hl=th&gs_rn=2&gs_ri=serp&tok=22L3_hxV2VpubATq6lDqZQ&pq=%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%97%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%9F%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%8C&cp=14&gs_id=1ax&xhr=t&q=%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1&es_nrs=true&pf=p&tbo=d&sclient=psy-ab&oq=%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%A3&gs_l=&pbx=1&bav=on.2,or.r_gc.r_pw.r_cp.r_qf.&fp=cc603edb909b6969&biw=1152&bih=771

ประเภทของซอฟ์ตแวร์










1. ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) เป็นโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่เขียนขึ้นเพื่อควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ประสานกัน และควบคุมลำดับขั้นตอนการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ในระบบคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ระบบที่นิยมแพร่หลาย ได้แก่ DOS, UNIX, WINDOWS, SUN, OS/2, NET WARE เป็นต้น

ประเภทของโปรแกรมระบบ (System Software)
   1) โปรแกรมที่ทำงานทางด้านควบคุม (Control Programs)
   2) ระบบปฏิบัติการของไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer Operating System)


2.ประเภทของซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
เป็นโปรแกรมหรือชุดคำสั่ง ที่เขียนขึ้นเพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานเฉพาะอย่าง หรือเฉพาะด้าน
ประเภทของซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) มี 2 ประเภท คือ ซอฟต์แวร์สำหรับงานทั่วไปหรือซอฟต์แวร์สำเร็จรูป

- ซอฟต์แวร์เกี่ยวกับระบบจัดการ
- ซอฟต์แวร์ประมวลผลคำ
- ซอฟต์แวร์กระดานคำนวณ
- ซอฟต์แวร์จัดการข้อมูลด้านงานธุรกิจ
- ซอฟต์แวร์นำเสนอ (Presentation Software)
- ซอฟต์แวร์เพื่อการติดต่อสื่อสารและเข้าถึงข้อมูล


ขอบคุณแหล่งที่มา  :   http://www.comsimple.com/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C/181-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%97%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%9F%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%8C.html

รู้จักกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์








่ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์










ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์


        ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์จะแบ่งเป็น 4 ส่วนด้วยกันดังนี้
        1. ส่วนรับข้อมูล (Input)
            ทำหน้าที่รับข้อมูลโดยอาจรับจ้อมูลจากแป้นพิมพ์ เมาส์ หรือเครื่องแสกนเนอร์

        2. ส่วนปรมวลผล (CPU:Centaral Processing Unit)
            เมื่อรับข้อมูลเข้ามาแล้ว ส่วน CPU จะทำหน้าที่เป็นสมองของคอมพิวเตอร์ในการคิดคำนวณหรือประมวลผลเพื่อทำงานตามที่ผู้งานต้องการ

        3. ส่วนหน่วยความจำ (Memory)
            ในการคิดคำนวณของ CPU นั้น จะไปกระทำที่หน่วยความจำของเครื่อง

        4. ส่วนแสดงผล (Output)
            เมื่อคิดคำนวณได้ผลลัพธ์ออกมาแล้วก็จะส่งผลแสดงที่ส่วนแสดงผล เช่น แสดงทางจอภาพ เครื่องพิมพ์หรือส่งไปทางโมเด็ม
         เมนบอร์ดทำหน้าที่เป็นบัสหรือทางเดินของข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ที่รับระหว่างกัน



ขอบคุณแหล่งที่มา   :     http://www.adcomputertips.blogspot.com/2012/08/blog-post.html
















Computer






คอมพิวเตอร์ คือ ?
          คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูล และคำสั่ง
แล้วนำไปประมวลผล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ

ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์
          การจัดแบ่งประเภทของ เครื่องคอมพิวเตอร์ จะอาศัยความเร็วของการ
ประมวลผล และขนาดความจำ ของหน่วยบันทึกข้อมูล ซึ่งสามารถแบ่งได้
เป็น 4 ประเภท ได้แก่
  • Supercomputers
  • Mainframe Computers
  • Minicomputers
  • Microcomputers

แหล่งที่มา : เนื้อหาเรื่องคอมพิวเตอร์ Digital Library โครงการ SchoolNet@1509 http://www.school.net.th

วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

windows 7

 

 

 

 

การเรียนรู้วิธีติดตั้ง Windows 7 Service Pack 1 (SP1)

Windows 7 Service Pack 1 (SP1) เป็นการปรับปรุงที่สำคัญซึ่งประกอบด้วยการปรับปรุงด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และเสถียรภาพที่นำออกใช้ก่อนหน้านี้สำหรับ Windows 7 การติดตั้ง SP1 ช่วยให้ Windows 7 ทันสมัย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูที่ สิ่งที่มีอยู่ใน Windows 7 Service Pack 1 (SP1)

วิธีการรับ SP1

วิธีที่แนะนำ (และง่ายที่สุด) เพื่อรับ SP1 คือให้เปิดการปรับปรุงอัตโนมัติใน Windows Update ใน 'แผงควบคุม' และรอให้ Windows 7 แจ้งให้คุณทราบว่าพร้อมที่จะติดตั้ง SP1 แล้ว ใช้เวลาในการติดตั้งประมาณ 30 นาที และคุณต้องเริ่มระบบคอมพิวเตอร์ใหม่เมื่อทำการติดตั้งไปได้ครึ่งหนึ่ง

หากต้องการทราบว่าติดตั้ง Windows 7 SP1 ไว้แล้วหรือไม่

·         คลิกปุ่ม เริ่ม คลิกขวาที่ คอมพิวเตอร์ แล้วคลิก คุณสมบัติ
หากมีรายการ Service Pack 1 ภายใต้ รุ่นของ Windows แสดงว่าได้ติดตั้ง SP1 บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว

ความต้องการเนื้อที่ดิสก์

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีเนื้อที่ดิสก์ว่างเพียงพอสำหรับติดตั้ง SP1 (แม้ว่าจะมีการคืนเนื้อที่ส่วนใหญ่หลังการติดตั้ง) หากคุณต้องทำให้เนื้อที่ดิสก์ว่าง ให้ไปที่ วิธีการทำให้เนื้อที่ดิสก์ว่าง บนเว็บไซต์ Windows




ขอบคุณแหล่งที่มา  :   https://www.google.co.th/#hl=th&tbo=d&sclient=psy-ab&q=windows+7&oq=windows+7&gs_l=hp.3..0l4.58412.71377.0.72071.11.10.1.0.0.0.93.857.10.10.0...0.0...1c.1.2.hp.WC1BtYcCwa4&pbx=1&bav=on.2,or.r_gc.r_pw.r_cp.r_qf.&bvm=bv.42080656,d.bmk&fp=cc603edb909b6969&biw=1152&bih=771
 

windows 8



พีซี Windows RT



  
พิเศษสำหรับพีซีเครื่องใหม่

นอกเหนือจาก Windows 8 แล้ว ยังมี Windows อีกรุ่นหนึ่งที่เรียกว่า Windows RT ซึ่งจะทำงานบนแท็บเล็ตและพีซีบางเครื่อง พีซีน้ำหนักเบาเหล่านี้มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน และเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับการทำงานในขณะเดินทาง คุณไม่สามารถติดตั้ง Windows RT บนพีซีปัจจุบันของคุณได้ คุณต้องซื้อพีซี Windows RT ก่อนจึงจะสามารถติดตั้งได้ มาพร้อมกับ Office รุ่นพิเศษWindows RT มาพร้อมกับ Microsoft Office Home & Student 2013 RT Preview Office รุ่นนี้ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับหน้าจอสัมผัสและจะอัปเดตโดยอัตโนมัติเพื่อให้คุณได้ใช้รุ่นล่าสุดเสมอ ทำงานร่วมกับโปรแกรมจาก Windows Store เท่านั้น Windows RT จะทำงานกับโปรแกรมที่คุณดาวน์โหลดจาก Windows Store เท่านั้น และยังมีโปรแกรมดีๆ ในตัว เช่น จดหมาย การเชื่อมต่อบุคคล ข้อความ รูปถ่าย SkyDrive เพลง และวิดีโอ เพื่อให้คุณไม่พลาดการติดต่อและเพลิดเพลินได้



ขอบคุณแหล่งที่มา :   http://windows.microsoft.com/th-TH/windows-8/meet?OCID=GA8_SEM_ROW_Null_Null_Null_Null